อาการแทรกซ้อนและวิธีการดูแลตัวเอง

การทำแท้งด้วยยาในระยะ 9 สัปดาห์แรก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก ความเสี่ยงนี้เทียบเท่ากับเมื่อผู้หญิงมีการแท้งโดยธรรมชาติ และหมอสามารถรักษาได้อย่างง่ายๆ หนึ่งร้อยคนที่ทำแท้งด้วยยา มีเพียงสองถึงสามคนที่ต้องไปหาหมอ

 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และการรักษา : เลือดออกมาก (เกิดขึ้นในราวร้อยละ 1 ของการทำแท้งด้วยยา)

 

อาการ : เลือดออกมากเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

(เต็มผ้าอนามัยขนาดแม็กซี่สองแผ่นในหนึ่งชั่วโมงติดต่อกัน 2 ชั่วโมง) อาการมึนงง เวียนหัว อาจเป็นการบ่งบอกว่าเสียเลือดมากเกินไปซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพและต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์

การรักษา : การดูดออก (ขูดมดลูก) และมีโอกาสน้อยมาก (น้อยกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์)

 

แท้งไม่สมบูรณ์

 

อาการ : การตกเลือดอย่างหนักหรือต่อเนื่อง หรือ การปวดท้องมากอย่างต่อเนื่อง

การรักษา : การดูด (ขูดมดลูก)

 

ติดเชื้อ

 

อาการ : มีไข้ (มากกว่า 38 องศาเซลเซียส) เป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง หรือมีไข้มากกว่า 39 องศา เป็นไปได้ว่ามีการติดเชื้อที่ต้องรักษา

การรักษา : ยาปฎิชีวนะ และ/หรือการขูดมดลูก

 

ข้อแนะนำ

 

1. ถ้ารู้สึกว่ามีอาการแทรกซ้อน ให้รีบไปหาหมอทันที โดยไม่ต้องบอกว่าคุณพยายามทำแท้ง ขอให้บอกไปเลยว่าคุณเกิดแท้งเองหมอจะต้องมีหน้าที่ช่วยคุณในทุกกรณีที่คนไข้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการแท้ง

การแท้งเอง และ การใช้ยาทำแท้ง จะมีอาการเหมือนกัน และหมอจะสังเกตไม่เห็น หรือตรวจสอบไม่ได้ว่ามีการทำแท้งมา ตราบเท่าที่ไม่พบตัวยา ถ้าคุณใช้วิธีอมไซโตเทคไว้ใต้ลิ้นอย่างที่เราแนะนำ ยาควรจะละลายหมดไปภายในสามชั่วโมง ถ้าคุณเหน็บยา คุณจะต้องเช็คด้วยนิ้วมือก่อนให้แน่ใจว่ายาละลายไปจนหมดแล้ว

 

2. น้อยกว่าร้อยละ 1% ของผู้หญิงพบว่าตัวเองยังตั้งครรภ์ต่อไป ซึ่งสามารถรู้ได้ด้วยการตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์หลังจากผ่านไป 3 สัปดาห์ หรืออุลตร้าซาวด์หลังจากผ่านไป 10 วัน ถ้าการทำแท้งด้วยยาไม่สำเร็จ แนะนำให้ทำแท้งด้วยยาซ้ำอีกครั้ง หรือ ทำแท้งโดยใช้เครื่องมือ

 

3. การติดเชื้อหลังการทำแท้งด้วยยาเกิดขึ้นได้น้อยมาก ถ้าคุณรู้สึกอ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ไข้สูงนานกว่า 24 ชั่วโมง มีอาการปวดท้อง ถ้าท้องของคุณรู้สึกเจ็บ หรือ กดแล้วนุ่ม หรือถ้าคุณตกเลือดเป็นจำนวนมากเป็นเวลานาน หรือถ้าคุณมีน้ำออกจากช่องคลอดที่มีกลิ่นเหม็น คุณอาจจะมีการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์ทันที การติดเชื้อต้องรักษาด้วยยาปฎิชีวนะ

 

4. การมีไข้อันเนื่องมาจากการใช้ไซโตเทค จะมีอาการเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น และไข้จะต่ำกว่า 38 องศาเซลเซียส เป็นอาการข้างเคียงตามปกติ แต่ถ้าไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง ควรพบแพทย์

5. การทำแท้งด้วยยาเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยเมื่อการทำแท้งด้วยเครื่องมือเป็นสิ่งที่อันตรายต่อสุขภาพของผู้หญิง ความเสี่ยงของการติดเชื้อเมื่อผู้หญิงคลอดบุตรยังมีมากกว่าเมื่อใช้ยาทำแท้ง

 

ประจำเดือน กับ เลือดล้างหน้าเด็ก ต่างกันอย่างไร

 

ประจำเดือน เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุผนังมดลูก หลังจากที่ไข่ตกแล้วไม่ได้รับการผสมกับอสุจิ ไม่มีการปฏิสนธิ จึงสลายออกมาเป็นเลือดประจำเดือน โดยประจำเดือนทั่วไปจะมีระยะรอบเดือนประมาณ 28-30 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทำให้ประจำเดือน เกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3-5 วันโดยประมาณ แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน แต่ในบางคนที่มีระยะรอบเดือนสั้น (มีประจำเดือนมาทุกๆ 14-15 วัน) ทำให้ในหนึ่งเดือนมีประจำเดือนมาถึง 2 ครั้งได้ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด

 

เมื่อมีประจำเดือน มักมีอาการบ่งบอกอย่างชัดเจน เช่น ก่อนที่จะมีประจำเดือน 1-2 วัน จะมีอารมณ์ฉุนเฉียว หงุดหงิด โมโหง่าย อารมณ์ร้าย เต้านมแข็งเจ็บ ปวดศีรษะ อยากรับประทานแต่ของหวาน ทานเก่ง และเมื่อประจำเดือนมา ก็อาจมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง ท้องป่องเหมือนมีพุง และบางคนก็เบื่ออาหาร

 

เลือดล้างหน้าเด็ก คือ เลือดที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนระยะ blastocyst เข้ากับเยื่อบุมดลูกในระยะเวลาเริ่มประมาณวันที่ 5-6 หลังจากที่ไข่ถูกผสมแล้วที่ปีกมดลูก แล้วเดินทางมาใช้เวลาฝังตัวจนติดสมบูรณ์ประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งบางครั้งการฝังตัวนี้อาจทำให้มีหลอดเลือดเล็กๆในโพรงมดลูกแตก ทำให้เห็นเป็นเลือดจางๆออกมาทางช่องคลอด คนโบราณจึงมักเรียกอาการดังกล่าวว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก

 

เลือดล้างหน้าเด็กจะมาก่อนหรือใกล้เคียงกับที่ประจำเดือนรอบถัดไป และจะเกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์บางคนเท่านั้น ทั้งนี้เลือดที่ออกมาไม่มีผลกระทบต่อทารกแต่อย่างไร และไม่มีผลทำให้ทารกพิการหรือเสียชีวิต

 

เลือดล้างหน้าเด็กจะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย (ไม่เหมือนการแท้งบุตร) แค่เปื้อนที่กางเกงในหรือมากกว่านิดหน่อย อาจเป็นอยู่ประมาณ 1-2 วัน มามักไม่ค่อยรู้ตัว และไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย แล้วก็จะหายไปเฉยๆ
หากสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าเลือดที่ออกมานั้น คือ ประจำเดือนหรือเลือดล้างหน้าเด็ก แนะนำให้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจค่ะ เพราะหากเป็นเลือดล้างหน้าเด็ก ผลตรวจจะเป็นบวกค่ะ และถ้าพบว่ามีเลือดออกมากผิดปกติในตอนตั้งครรภ์ ก็ควรรีบพบแพทย์นะคะ