สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยายุติการตั้งครรภ์
อย่างปลอดภัย

ยาสอดทำแท้งเป็นวิธีการยุติการตั้งครรภ์ในระยะแรก (ไม่เกิน 12 สัปดาห์) โดยใช้ยา ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ซึ่งกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวและขับเนื้อเยื่อการตั้งครรภ์ออกมา ยานี้มักใช้ร่วมกับ ไมเฟพริสโตน (Mifepristone) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย

รับประทานไมเฟพริสโตน (200 มิลลิกรัม) ก่อน 24-48 ชั่วโมง

จากนั้นสอด ไมโซพรอสทอล (4 เม็ด ขนาด 800 ไมโครกรัม) เข้าช่องคลอด หรืออมใต้ลิ้นจนยาละลาย

การสอดหรืออมใต้ลิ้นควรทำในที่ปลอดภัยและสะดวกต่อการพักฟื้น

หลังใช้ยา อาจมีเลือดออกและปวดท้องคล้ายประจำเดือน ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ

ผู้ที่ตั้งครรภ์ไม่เกิน 10-12 สัปดาห์

ผู้ที่ได้รับการประเมินจากแพทย์แล้วว่าการตั้งครรภ์อยู่ในโพรงมดลูก (ไม่ใช่การตั้งครรภ์นอกมดลูก)

ผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวที่รุนแรง เช่น โรคหัวใจร้ายแรง หรือโลหิตจางรุนแรง

เลือดออกจากช่องคลอด (เหมือนหรือมากกว่าประจำเดือน)

ปวดท้องหรือปวดเกร็งมดลูก

คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย

ไข้หรือหนาวสั่น (อาการชั่วคราว)

หากมีเลือดออกมากผิดปกติ (เปลี่ยนผ้าอนามัยทุกชั่วโมงเกิน 2 ชั่วโมง) หรือมีไข้สูง ควรรีบพบแพทย์ทันที

สังเกตว่ามีเนื้อเยื่อการตั้งครรภ์หลุดออกมาพร้อมเลือด

อาการตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้หรือเจ็บเต้านม ลดลงหรือหายไป

นัดตรวจติดตามผลกับแพทย์ภายใน 1-2 สัปดาห์เพื่อยืนยันว่าการตั้งครรภ์สิ้นสุดสมบูรณ์ (ผ่านการตรวจอัลตราซาวด์หรือฮอร์โมน HCG)

การสอดยาด้วยตัวเองสามารถทำได้ แต่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนการใช้ยา เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน เช่น การแท้งไม่สมบูรณ์ หรือการติดเชื้อ หากเกิดภาวะแทรกซ้อน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ไม่สามารถใช้ได้ การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic Pregnancy) เป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาโดยวิธีการทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัด การใช้ยาทำแท้งจะไม่ช่วย และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

หากไม่มีเลือดออกหรือยังมีอาการตั้งครรภ์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาซ้ำ หรือพิจารณาวิธีการอื่น เช่น การดูดมดลูก (Manual Vacuum Aspiration - MVA)

ในบางประเทศ การใช้ยาทำแท้งถูกกฎหมายภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด เช่น อายุครรภ์ไม่เกินระยะที่กำหนด และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ในประเทศไทย การทำแท้งถูกกฎหมายในกรณีที่กำหนดตามกฎหมาย เช่น อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์